ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ อำเภอปากช่อง ตรวจสอบปัญหาผลกระทบโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน – นครราชสีมา ตามข้อร้องเรียนของประชาชน
ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ อำเภอปากช่อง สำรวจพื้นที่จริงตรวจสอบปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและความเดือดร้อนตามข้อร้องเรียนของประชาชน กรณีโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางประอิน-โคราช ก่อนให้คณะทำงานนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมเร่งดำเนินการแก้ไข-ปรับปรุง ลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
เวลา 09.30 น. วันที่ 23 สิงหาคม 2559 พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา ย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาผลกระทบโดยรอบ และร่วมกันเร่งสางปมปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยถึงการลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนมายังผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ว่าได้รับผลกระทบจากการที่กรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา โดยแนวเส้นทางของโครงการที่ผ่านอำเภอปากช่อง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ทั้งที่เป็นเจ้าของที่ดินผู้ถูกเวนคืน และประชาชนทั่วไปที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ตลอดจนส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขให้เร็วที่สุด
พลเอก วิทวัส กล่าวต่อว่า การประชุมหารือเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในวันนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทางจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะนายสุรพันธ์ ดิสสะมาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทางหลวง แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 2 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 จังหวัดนครราชสีมา กรมป่าไม้ และผู้แทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบ มาประชุมร่วมกัน โดยเบื้องต้นได้รับทราบว่า แนวเส้นทางของโครงการดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ 4 ตำบลในอำเภอปากช่อง ได้แก่ ตำบลกลางดง ตำบลหนองน้ำแดง ตำบลหมูสี และตำบลขนงพระ รวมระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ซึ่งประชาชนได้มีการเรียกร้องให้ทบทวนการก่อสร้างมาโดยตลอด ทั้งนี้ ผลกระทบที่ประชาชนในพื้นที่กังวลว่าจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 6 ประเด็นหลัก คือ
1) การตัดภูเขา/ ปิดกั้นโพรงระบายน้ำธรรมชาติ
2) ทำลายภูเขา ขวางกั้นทางเข้าออกที่พักอาศัย
3) ตัดข้ามถนนสาธารณะ โดยไม่ทำสะพานยกระดับ
4) ขวางกั้นทิศทางระบายน้ำ
5) จุดพักรถใช้พื้นที่เกินความจำเป็น
6) มีการถมคลองลำตะคองและเปลี่ยนทิศทางน้ำ
โดยในวันนี้ ตนพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงตรวจสอบพื้นที่หลักๆ ที่ส่งผลกระทบวงกว้าง จำนวน 3 จุด คือ จุดที่หนึ่ง บริเวณสวนบุญบันดาล ซึ่งในจุดนี้นั้นตามแบบแปลนของการก่อสร้างได้มีการก่อสร้างปิดทับเส้นทางบ่อพักน้ำธรรมชาติ จุดที่สอง สวนอัมพร ซึ่ได้รับผลกระทบจากการปิดทางเข้า-ออกที่พักอาศัยของประชาชน เนื่องจากบริเวณดังกล่าว มีภูเขาเป็นแนวกั้นและเมื่อมีการก่อสร้างจะทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้า-ออกจากที่ดินได้ และจุดที่สาม คลองลำตะคอง บริเวณ วอเตอร์มิล รีสอร์ท นั้นจากแบบแปลนของการก่อสร้างนั้น บริเวณจุดนี้จะมีการถมลำตะคอง เพื่อเปลี่ยนทิศทางน้ำ ซึ่งทางประชาชนคาดว่าหากมีการก่อสร้างตามแบบแปลนจริง จะมีการสร้างผลกระทบให้กับระบบนิเวศในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาต่างๆ ตามที่ประชาชนร้องเรียนนั้น เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาและเร่งหาแนวทางแก้ไขกรณีร้องเรียนดังกล่าวต่อไป
“การดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา นั้น แม้ว่าจะมีความสำคัญต่อระบบการคมนาคมขนส่งทางถนนและช่วยลดเวลาการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล แต่แนวถนนช่วงที่ผ่านอำเภอปากช่อง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอุทยานเขาใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ บางแห่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ การก่อสร้างถนนจึงส่งผลกระทบวงกว้างในหลายด้าน ไม่ว่าด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ด้านระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ทางน้ำธรรมชาติ ดังนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขผลกระทบต่างๆ เพื่อให้ถนนสายนี้สร้างความแข็งแกร่งต่อระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนสองข้างทาง ขอให้มั่นใจว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินจะติดตามผลการดำเนินการและการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างใกล้ชิดโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่าย ” พลเอก วิทวัส กล่าว