ศาลสั่งปรับ 5000 จำคุก 3 เดือน หนุ่มหลอกกดเงินเราไม่ทิ้งกัน ลุงขายเฉาก๊วย
เมื่อช่วงเย็น วันที่ 16 เมษายน 2563 ศาลสีคิ้ว (ปากช่อง) ตัดสินจำคุก 3เดือน ปรับ 5000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ผู้ต้องหา (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) หลังก่อเหตุโกงเงินเยียวยา “เราไม่ทิ้งกัน” ลุงขายเฉาก๊วย โดยอาสาลงทะเบียนให้ จากนั้นเมื่อเงินเข้าบัญชี จึงพาไปกดเงินและยื่นให้ลุงเพียง 1000 บาท ก่อนให้เฉาก๊วยตอบแทนน้ำใจอีกเพียบ ก่อนจะมีคนทักจึงรู้ว่าถูกหลอก
สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เมื่อช่วงคืนวันที่ 15 เมษายน 2563 ในเฟซบุ๊กได้มีการแชร์เรื่องราว ลุงน่าสงสารมีอาชีพขายเฉาก๊วยเลี้ยงชีพในพื้นที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง โดยระบุว่า ลุงเจอชายวัยรุ่นหลอกเอาเงิน เยียวยา 5,000 บาท จากการลงทะเบียน “เราไม่ทิ้งกัน” ไป โดยกดเงินให้ลุงแค่ 1,000 บาทเท่านั้น
ต่อมา ช่วงเช้าวันที่ 16 เมษายน 2563 ทีมข่าวปากช่องทูเดย์ ได้เดินทางไปพบนายบุญใหล มอมขุนทด อายุ 71 ปี ซึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในบ้านเช่าริมถนนมิตรภาพ ต. ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีอาชีพขายเฉาก๊วย ตามหมู่บ้าน ได้กำไรแก้วละ 2 บาท ซึ่งบางวันขายได้เพียง 50 แก้วเท่านั้น
ซึ่งนายบุญใหล เล่าว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปขายเฉาก๊วยที่หน้า โรงเรียนขนงพระใต้ ต.ขนงพระ มีหนุ่มอายุประมาณ 30 ปี ซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน เข้ามาถามว่า ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาโควิด-19 จากรัฐบาลหรือยัง ตนก็บอกว่า ไม่รู้เรื่องเลย เพราะอ่านหนังสือไม่ออก โทรทัศน์ก็ไม่ได้ดู ชายคนดังกล่าว จึงอาสาลงทะเบียนให้ และว่าอีกไม่กี่วันจะมีเงินเข้าบัญชี กระทั่ง วันที่ 15 เมษายน ชายคนดังกล่าวได้โทรมาบอกว่า เงินเข้าแล้ว พร้อมทั้งมาพาตนไปกดเงินที่ตู้ ATM หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ริมถนนธนะรัชต์ ทางเข้าเขาใหญ่ โดยกดไป 2 ครั้ง จากนั้นก็ส่งเงินให้ตน 1,000 บาท บอกว่า เงินเข้าแค่นี้ ลุงก็เห็นว่าเขามีน้ำใจ จึงนำเฉาก๊วยให้ไปอีกกว่า 10 ถ้วย
ต่อมา แม่ค้าที่ขายของอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ได้เข้ามาถามตนว่า ลุงได้เงินเท่าไร ตนจึงตอบไปว่า 1,000 บาท แม่ค้าบอกลุงถูกโกงแล้ว จากนั้นก็มีพลเมืองดี พาตนไปปรับสมุดบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย สาขาปากช่อง จึงรู้ว่าถูกโกงอย่างแน่นอน จึงพาไปแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง โดยพนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง ได้มีการนัดคู่กรณีมาที่ สภ.ปากช่อง ซึ่งพอรู้ว่าถูกแจ้งความ ก็โทรมาบอกว่า จะขอผ่อนให้อาทิตย์ละ 1,000 บาท แต่ตนไม่ยอมจึงได้แจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดี
จากนั้น ช่วงสายวันที่ 16 เมษายน 2563 พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ ผกก.สภ.ปากช่อง สั่งชุดสายสืบไปจับตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีจากบ้าน ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยนายพัฒนา ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ทีแรกตอนลงทะเบียนให้ลุง ไม่คิดจะเอาเงินของลุง แต่พอมาเบิกเงินเมื่อวานนี้ ครอบครัวตนเดือดร้อน เอารถไปซ่อมไม่มีเงินจ่าย จึงมีอารมณ์ชั่ววูบเอาเงินของลุงไปใช้ ในวันนี้ตั้งใจจะหาเงินจากญาติพี่น้องมาคืนให้ลุง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับมาก่อน
ขณะที่ ผกก.สภ.ปากช่อง เปิดเผยว่า ถึงแม้ผู้ต้องหาจะรับสารภาพ และแจ้งว่าจะคืนเงินให้ลุง แต่เนื่องจากความผิดสำเร็จแล้ว ต้องดำเนินคดี และนโยบายนี้ เป็นนโยบายที่จะช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชน รีบส่งฟ้องศาลด้วยวาจา ข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งยอมความไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการส่งฟ้องศาลจังหวัดสีคิ้ว (ปากช่อง) ทันที โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาตัดสิน จำคุก 3 เดือน ปรับ 5000 บาท และคืนเงิน 4000บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าว ได้ขอให้นายบุญใหล ลุงขายเฉาก๊วย ได้นำบัญชีธนาคารไปปรับสมุด หลังมีกระแสมาว่ามีประชาชนผู้ใจบุญ ได้โอนเงินเข้ามาในบัญชี ซึ่งพบว่ามียอดเงินกว่าหนึ่งแสนบาท
ด้าน ผู้ก่อเหตุได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาระบุว่า ศาลตัดสินคดีลักทรัพย์ ปรับ 5,000 บาท รอลงอาญา 2 ปีและคืนเงินทั้งหมด 4,000 บาท เรียบร้อยแล้ว เราพูดความจริงทุกอย่างตอนให้การกับร้อยเวร ทางด้าน ลุงบุญใหล ไม่ติดใจเอาความ เป็นว่าจบคดีกับตาแล้ว เหลือเเต่เรื่องในศาลที่ต้องรอลงอาญาใช้เวรใช้กรรมที่ตนทำต่อไป ผิดก็สารภาพว่าผิดจริง ใครจะว่า ใครจะด่าอย่างไรก็ห้ามไม่ได้ เพราะเป็นผลของการกระทำของตัวเอง ต้องยอมรับให้ได้ จากนี้ไปขอกลับตัวกลับใจจริงๆ รู้สึกผิดและแย่กับตัวเองจริงๆ ไม่มีครั้งที่ 3 พอหยุด คดีจบแต่ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ ขอทำวันต่อๆไปให้ดีที่สุด กราบขอโอกาสจากสังคม ที่โพสต์ไม่ได้ต้องการจะแก้ตัว แต่ขอพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในมุมของตัวเองบ้าง และจะไม่เอาผิดกับคนที่โพสต์หมิ่นประมาทเรา เพราะเตรียมใจตั้งแต่อยู่ในห้องกักขังแล้วว่าสังคมที่เราเคยอยู่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป