สมาคมพิทักษ์สัตว์ นำทนายแจ้งความดำเนินคดีคนงานโหด รุมตีสุนัขจนตาย ก่อนแล่เนื้อย่างแกล้มเหล้า
สมาคมพิทักษ์สัตว์ นำทนายความประจำสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย เข้าแจ้งความที่ สภ.กลางดง อ.ปากช่อง ให้ดำเนินคดี 2 คนงานบ้านโนนกระโดน ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง หลังทราบว่ามีการรุมตีสุนัขเพศผู้จนตาย ก่อนพรรคพวกคนงานอีก 5 คนจะแล่เนื้อย่างกินแกล้มเหล้า
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 20 พฤศจิกายน นางณัฐธยาน์ พลหาญ ทองลงยา ประธานกรรมการ มูลนิธิ อนุรักษ์โคกระบือไทยและให้ชีวิตใหม่แก่สัตว์ถูกทอดทิ้ง ผู้ประสานงาน สมาคมพิทักษ์สัตว์ และน.ส.สุชาดา ศิริรัตน์ อายุ 52 ปี ทนายความสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย เข้าพบ พ.ต.ท.สมดี บุตรวงษ์ สารวัตรสอบสวน สภ.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นายสมเกียรติ แผ่นทอง และนายไพฑูลย์ สวัสดี พร้อมพวกกลุ่มคนงาน 5 คน ในหมู่บ้านโนนกระโดน หมู่ที่ 4 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายสมเกียรติ แผ่นทอง และนายไพฑูลย์ สวัสดี ได้ร่วมกันฆ่าสุนัขเพศผู้ ชื่อปุย อายุ 2 ปี จากนั้นได้นำไปชำแหละที่คลองน้ำ ใกล้กลับบ้านพัก แล้วเอาเนื้อมาทำเมนูเด็ดแกล้มเหล้าโดยการย่างกิน สำหรับหนังและขาทิ้งไว้ที่ริมคลอง ส่วนกะโหลกและเครื่องในโยนทิ้งน้ำ ทั้งนี้ก่อนที่เจ้าปุยจะถูกฆ่านั้น เจ้าปุยได้ไปติดสุนัขเพศเมียชื่อเตี้ย ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ โดยการฆ่าสุนัขในครั้งนี้สมาคมพิทักษ์สัตว์ ถือว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมที่เกินกว่าสังคมจะยอมรับได้และเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการจัดการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้งหลาย จึงขอให้มีการดำเนินคดีเพิ่มเติมหากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการตามที่ควรจะเป็นก็จะถือว่าเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นางณัฐธยาน์ พลหาญ ทองลงยา ผู้ประสานงาน สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย ได้ติดตามนางนา ใจยืน อายุ 26 ปี ภรรยานายสุชล เจ้าของสุนัข ชื่อปุย เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม โดยนางนาเล่าให้ฟังว่า สุนัขของตนได้หายออกจากที่พักไปเมื่อหลายวันก่อน จนกระทั่งมีคนงานในแคมป์ที่ออกไปหาขุดปูที่คลองน้ำใกล้กับแคมป์ก่อสร้าง มาบอกกับตนว่าสุนัขของตนนั้นถูกฆ่าตาย โดยพบหนังและขาถูกทิ้งไว้อยู่ที่ริมคลอง นอกจากนี้ยังเห็นหัวลอยอยู่ในน้ำ ตนจึงไปดูยังที่เกิดเหตุก็พบว่าเป็นซากสุนัขของตนจริง เมื่อเดินไปหาส่วนที่เป็นหัวที่ลอยน้ำไปแต่ไม่พบ พบแต่เพียงส่วนที่เป็นไส้เท่านั้น จากนั้นได้นำภาพถ่ายสุนัขตัวที่ถูกฆ่าซึ่งได้ถ่ายเอาไว้เมื่อสุนัขมีอายุได้ 6 เดือนมาให้ยา ผู้ประสานงานสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทยและผู้สื่อข่าวดู และบอกอีกว่าตอนที่ตายอายุ 2 ปีแล้ว ตัวสูงและใหญ่ หากเขามาเล่นด้วยเมื่อยืนสองขาจะสูงกว่าตนอีก ส่วนที่มีคนบอกว่าผู้ก่อเหตุได้นำเงินมาจ่ายเป็นค่าเสียหายให้ก่อนจำนวน 5,000 บาทนั้นตนยังไม่ได้รับเงินเลยแม้แต่บาทเดียว
พ.ต.ท.สมดี บุตรวงษ์ สารวัตรสอบสวน สภ.กลางดง ได้รับแจ้งความพร้อมลงบันทึกประจำวันตามความประสงค์ พร้อมแจ้งว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 นายสุชล ด้วงเมือง อายุ 46 ปี ที่อยู่ตามหลักฐานระบุ เลขที่ 15 หมู่ที่ 9 ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้เดินทางมาแจ้งความว่า ตนมารับจ้างทำงานก่อสร้างโรงแรม และพักอยู่ที่แคมป์พักคนงาน บริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ จากนั้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน หลังเลิกงานกลับถึงห้องพักไม่พบสุนัขเพศผู้ สีขาว ที่ซื้อมาเลี้ยงไว้ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ในราคา15,000 บาท จึงสอบถามเพื่อคนงานและชาวบ้านที่อยู่ใกล้แคมป์พักคนงานจนกระทั่งทราบว่า นายสมเกียรติ แผ่นทอง และ นายไพฑูรย์ สวัสดี ได้ร่วมกันรุมตีจนตายแล้วเอาเนื้อมาย่างกินแกล้มเหล้า จึงได้ไปตรวจดูก็พบซากหนังสุนัขอยู่ริมลำรางสาธารณะจึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายไว้เป็นหลักฐาน โดยนายสมเกียรติ รับว่าเป็นคนฆ่าสุนัขจริง ซึ่งครั้งแรกยินยอมจะชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 25,000 บาทแต่เวลาผ่านไปหลายวันยังไม่มีการนำเงินมาจ่ายให้ จึงมาแจ้งความให้ดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์
ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายสมเกียรติ แผ่นทอง อายุ 48 ปี ที่อยู่ตามหลักฐานระบุบ้านเลขที่83 หมู่ที่ 5 ต.เมืองไพร อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ และ นายไพฑูรย์ สวัสดี อายุ 31 ปี ที่อยู่ตามหลักฐานระบุบ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 4 ต.พญาเย็น เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.สมดี บุตรวงษ์ สารวัตรสอบสวน สภ.กลางดง พร้อมให้การรับสารภาพ ว่าได้ก่อเหตุร่วมกันฆ่าสุนัข ทีบ้านเลขที่ 141 หมู่ที่ 4 บ้านโนนกระโดน ต.พญาเย็น จริง โดยไพฑูรย์ ให้การว่า สุนัขตัวดังกล่าว ได้มาไล่กัดไก่ในบ้านพัก ด้วยความโมโห จึงช่วยกันรุมตี อีกทั้งอยู่ในอาการมึนเมาจากการดื่มเหล้าจึงนำเนื้อมาชำแหละย่างกินแก้มเหล้ากัน
นางสาวสุชาดา ศิริรัตน์ ทนายความ และ นางณัฐธยาน์ พลหาญ ทองลงยา ผู้ประสานงาน สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าวว่าที่เข้าพบพนักงานสอบสวน ว่าต้องการให้สอบสวนเอาผู้ร่วมกระทำผิดทั้ง 5 คน มาลงโทษ ผู้ก่อเหตุไม่ใช่มีเพียง2 คน ตามที่เข้ามอบตัว และต้องการให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมจากข้อหาทำให้เสียทรัพย์ คือ ตาม พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พศ.2557 มาตรา 20 และ 31 ห้ามมิให้ผู้ใด กระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ มีโทษระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการจัดการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้งหลาย หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการตามที่ควรจะเป็นก็จะถือว่าเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่