รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบเวิลด์พีช ก่อนสรุปผลการดำเนินการยึดคืนพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธ์

021
รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมด้วย ฝ่ายปกครอง อ.ปากช่อง ทหาร ตำรวจ ป่าไม้  โยธาธิการและผังเมือง จ.นครราชสีมา สำนักงานที่ดิน  จ. นครราชสีมา (สาขาปากช่อง)  อบต. โป่งตาลอง และ ปปง. ประชุมติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบเวิลด์พีช พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบพิกัดสิ่งปลูกสร้าง พิกัดพื้นที่ ความถูกต้องและชนิดของเอกสารสิทธิ์

เวลา 10.00 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2559 นายณรงค์ คงคำ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของการตรวจสอบที่ดินของเวิลด์พีช วัลเลย์  โดยเข้าร่วมประชุมติดตามการทำงานของทุกหน่วยงานซึ่งประกอบไปด้วยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของเวิลด์พีซ  โดยมีฝ่ายปกครอง  อ.ปากช่อง ทหาร ตำรวจ ป่าไม้  โยธาธิการและผังเมือง จ.นครราชสีมา สำนักงานที่ดิน  จ. นครราชสีมา (สาขาปากช่อง)  อบต. โป่งตาลอง และ ปปง. ณ สำนักงานนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

022
สำหรับการดำเนินการมีความคืบหน้าไปมากหลังจากที่มีการลงตรวจสอบไปเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นมีการตรวจสอบและทราบว่ามีที่ดินจำนวน 493 ไร่ และจากการตรวจสอบทั้งหมดพบว่ามีที่ดินจำนวน 503 ไร่ 3 งาน 99 ตารางวา นอกจากนี้พบว่าในจำนวนข้างต้นมีบางส่วนของที่ดินไม่มีเอกสารจำนวน 7 แปลงรวมจำนวนพื้นที่ประมาณกว่า  173  ไร่ โดยเจ้าหน้าที่จะได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบทั้ง 7 แปลงว่าอยู่ในพิกัดใด พร้อมทั้งได้สั่งให้มีการตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างที่มีการขออนุญาตก่อสร้างกับทาง อบต.โป่งตาลองจำนวน 4 ครั้ง โดยมีสิ่งปลูกสร้างจำนวน 12 รายการ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รางวัดจากทางนิคมสร้างตนเองลำตะคอง สำนักงานที่ดิน จังหวัดนครราชสีมา สาขาปากช่องและ อบต.โป่งตาลอง ได้รายงานว่ามีการก่อสร้างในพื้นที่ไปแล้วจำนวน 37 รายการ จึงจะได้ลงพื้นที่เวิลด์พีช วัลเลย์ เพื่อตรวจพื้นที่และสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดว่าอยู่ตำแหน่งและพิกัดใด เพื่อนำไปลงในแผนที่และเอกสาร  ทั้งนี้สำหรับที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ประมาณ  173  ไร่นั้น ต้องรอให้มีการวัดเสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงอำนาจของอธิบดีฯ  ในการที่จะเรียกคืนหรือยึดคืนกลับมา

นายณรงค์ คงคำ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวว่าเราได้เข้ามาตรวจสอบที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ เนื่องจากว่าได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ รังวัดของสำนักงานที่ดินและของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ว่าได้ดำเนินการสำรวจรางวัดในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก ซึ่งได้รังวัดแล้วจำนวน 12 แปลง ในส่วนของโฉนดที่ดินจำนวน 1 แปลง ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำรายละเอียดในการสำรวจรางวัดไปลงในเอกสาร เมื่อลงเสร็จแล้วเราก็จะทราบว่าตำแหน่งที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์อยู่ในตำแหน่งใดบ้าง นอกจากนั้นก็ได้สั่งการให้ทางช่างของนิคมสร้างตนเองฯร่วมกับช่างของอบต.โป่งตาลองและช่างของที่ดินเข้าทำการสำรวจที่ตั้งของอาคาร ว่าที่ตั้งของอาคารทุกอาคารตั้งอยู่ในที่ดินไหน อาคารมีลักษณะประเภท ขนาดอย่างไร เพื่อเราจะได้พิจารณาว่าอาคารใดที่ปลูกสร้างและต้องขออนุญาตมากน้องเพียงใดตามกฎหมาย ในส่วนของกระแสข่าวว่าจะมีการยึดที่ดินหรือเรียกคืนที่ดินนั้น

023

หลังจากที่ได้รับรายงานในเบื้องต้น ซึ่งต้องเรียนว่าเป็นเบื้องต้น เพราะว่าเจ้าพนักงานที่ดินยังอยู่ในการสำรวจรังวัดอีก 2 แปลงซึ่งยังไม่เสร็จสิ้นในที่ดินซึ่งเป็นโฉนด เพราะฉนั้นจำนวนที่ดินยังไม่แน่นอนว่าในส่วนของที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดงมีจำนวนเนื้อที่เท่าไหร่ แต่จากรายงานทราบว่ามีประมาณ 7 แปลงจำนวนกว่า 100 ไร่ ในวันนี้เจ้าพนักงานที่ดินได้ร่วมประชุมกับเราได้ให้ข้อมูลกับเราว่าในสัปดาห์หน้าที่ดินที่เป็น นส. 3 ก และฉโนด 1 แปลง จะลงพิกัดได้เสร็จสิ้น ส่วนอีก 2 แปลงอยู่ระหว่างการประสานงานให้เจ้าของที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินที่ไม่ได้อยู่ในกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิตะวันธรรม เป็นของเอกชนที่ยกให้มูลนิธิตะวันธรรมใช้ประโยชน์ ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานให้เจ้าของที่ดินมายื่นคำร้องขอตรวจสอบแนวเขต ในเรื่องของการตรวจสอบหากพบว่าที่ดินที่ถือครองไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ในเงื่อนไขของ พรบ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพมีกระบวนการไว้ชัดเจนว่าที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นโฉนดหรือ นส.3 ก็ตาม ถ้าหากว่าใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากที่อยู่อาศัยและที่ดินทำการเกษตร จะต้องได้รับการอนุญาตจากอธิบดีฯในการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน ในส่วนที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ต้องถือว่าเป็นที่ดินของรัฐ อยู่ในการดูแลของนิคมสร้างตนเองฯ ถ้าหากตรวจพบว่าที่ดินในจุดใดก็ตามไม่เฉพาะว่าที่ดินในศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ก็ถือว่าเป็นที่ดินของรัฐ

Previous Article
Next Article

ใส่ความเห็น

– เยาวชนไทย ก้าวสู่อาชีพในฝัน

คลังข่าวรายเดือน