คนงานขุดท่อประปา พบระเบิดเก็บใส่ท้ายรถ เคราะห์ร้ายระเบิดฉีกร่างดับ 2 ศพ
เวลา 09.50 น. ร.ต.อ.จารึก ปฐมพงษ์ รองสว.(สอบสวน) สภ.ปากช่อง ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถคนงานขุดวางท่อประปาระเบิด และมีเพลิงลุกไหม้ บริเวณตรงข้ามคลังแสงเก่า ช่วงหลัก กม.ที่ 11-12 ถนนมิตรภาพสายเก่า ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังได้รับแจ้งจึงประสานงานไปยังรถน้ำดับเพลิงเทศบาลเมืองปากช่อง อาสาสมัครกู้ภัยปากช่อง พร้อมรีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุ
.
ในที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ป่าข้าวโพดเดิม ห่างจากถนนมิตภาพออกไปประมาณ 20 เมตร พบรถยนต์ปิคอัพ อีซูซุ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน พ-0996 นครปฐม สภาพกำลังถูกไฟไหม้ทั้งคัน เจ้าหน้าจึงต้องใช้รถน้ำในการควบคุมเพลิง กว่า 20 นาที จากการตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมานายณัฐพล อินปิ่น 17 ปี 52 หมู่ 6 ต.บางมัน อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เสียชีวิตลักษณะข้อมือด้านซ้ายฉีกขาด ไส้ทะลัก นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต อยู่บริเวณห่างออกไปจากตัวรถประมาณ 5 เมตร นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บเป็นชายอีก 4รายทราบชื่อต่อมาคือ นายสิทธิโชค สุขดี อายุ 30 ปี 118 หมู่ ต.ในเมือง อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท
นายสมพร เต๋าทอง อายุ 33 ปี บ้านพักคนงานฟาวเท่นทรี รีสอร์ท หมู่ ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
นายขจรศักดิ์ รุ่งสังข์ อายุ 33 ปี 58 หมู่ 6 ต.เดิมบาง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
และนายสมพงษ์ เต๋าทอง 36 ปี 67 หมู่ 6 ต.เดิมบาง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เป็นหัวหน้าคนงาน โดยเพื่อนคนงานได้นำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้า และต่อมาคณะแพทย์แจ้งว่านายสมพงษ์ ผู้บาดมีอาการสาหัสเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้นยังพบชิ้นส่วนคาดว่าเป็นของระเบิด ไม่ทราบชนิดตกอยู่บริเวณข้างรถ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการระเบิดครั้งนี้หรือไม่
จากการสอบถามนายธนัสชัย โมพัด อายุ 36 ปี คนงานขับรถขุดดินซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุระบุว่า ตนเป็นคนงานรับเหมาขุดวางท่อประปาของ หจก.ส กิติกาญจน์ โดยมาทำงานกันทั้งหมด 6 คน ขณะที่ตนกำลังขับรถขุดดินเพื่อวางท่อประปาอยู่นั้น ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากท้ายรถปิคอัพ ซึ่งมีเครื่องปั่นไฟสำหรับเครื่องให้ความร้อนในการต่อท่อประปา ทำงานอยู่ เมื่อตนมองไปเห็นนายสมพงษ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานล้มลง ตนจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือและให้เพื่อนคนงานอีกคนนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลไปก่อน จากนั้นเมื่อมองมาที่รถ พบร่างนายต่อ(ณัฐพล อินปิ่น) นอนอยู่บริเวณกระบะท้ายรถซึ่งกำลังมีเพลิงลุกไหม้ จึงรีบเข้าไปดึงออกมาจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งเมื่อเห็นสภาพบาดแผลนายต่อ ก็พบว่านายต่อได้เสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้สำหรับพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว อยู่ตรงข้ามคลังแสงเก่า ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 ที่ผ่านมา หลังหลังเกิดเหตุในครั้งนั้นได้มีระเบิดเก่าจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วบริเวณ โดยลูกระเบิดบางส่วนได้พุ่งเข้าไปในดิน ซึ่งหลังจากทำการเก็บกู้แล้ว ก็ยังมีประชาชนพบวัตถุระเบิดอยู่เป็นระยะ จนถึงปัจุบัน
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายปัญญา วงศ์ศรีแก้ว นายอำเภอปากช่อง พร้อมด้วย พ.อ.ศาสตรา พรหมฑะ หน.แผนกที่ 5 กองคลังแสง สรรพาวุธ ทหารบก(ผ.5 คส.สพ.ทบ.)(ซับม่วง)อ.ปากช่อง และเจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรภาค 3 เจ้าหน้าชุด EOD แผนกที่ 5 กองคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก และเจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในจุดเกิดเพิ่มเติม
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุครั้งนี้ ทางด้านเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานระบุว่า ในเบื้องต้นยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าวัตถุที่ระเบิด เป็นวัตถุประเภทใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องทำการเก็บสะเก็ดต่างๆ ไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่เนื่องจากมีการฉีดน้ำควบคุมเพลิง จึงทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยาก โดยทางเจ้าหน้าที่จะทำการรวบรวมหลักฐานจากจุดเกิดเหตุให้ได้มากที่สุด เพื่อชี้ชัดประเภทของวัตถุที่ทำให้เกิดการระเบิดจนกระทั่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ด้าน พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ ประจงจิตร ผกก.สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กล่าวว่าเบื้องต้นได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเหตุ และได้รับรายงานการยืนยันจากชุดปฏิบัติการณ์ EOD ตำรวจภูธรภาค 3 ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากระเบิดซึ่งยังไม่ทราบชนิด เนื่องจากพบร่องรอยการระเบิดตรงกับคำให้การของพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้พบระเบิดแล้วนำมาวางที่ท้ายรถกระบะ และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ EOD พบว่าบริเวณท้ายมีร่องรอยการถูกระเบิดจากภายในกระบะทะลุออกไปนอกตัวรถ และการระเบิดที่ขึ้นส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเมื่อ 2-3วันก่อนหน้านี้คนงานที่ขุดวางท่อประปาได้มีการขุดพบระเบิดมาแล้ว 1 ลูก โดยได้นำไปส่งให้กับทหารเวรประจำการที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้บอกกับคนงานที่พบระเบิดว่าหากมีการขุดหรือพบเจอวัตถุระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งอยู่ใกล้เคียงเพื่อทำการตรวจสอบ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็จะได้จัดกำลังลงพื้นที่เพื่อคอยให้การช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในจุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้ความปลอดภัยและความรู้ หากพบวัตถุต้องสงสัยเพื่อความปลอดภัยของทุกคน